วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551
อย่าตัดสินคน ด้วยขนมเพียง 1 ห่อ
ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดี
จำเป็นต้องรอเวลาถึง3 ชั่วโมง ในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทาง
เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม และคุ๊กกี้ 1 ห่อ
และเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกิน ฆ่าเวลาไปพลาง ๆ
เธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่ง
เมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุ๊กกี้
เพื่ออ่านและกินไปพลาง ๆ เธอสังเกตเห็นว่าข้าง ๆ เธอมีชายหนุ่ม
ซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจใคร ว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา
สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือ
ชายหนุ่มก็หยิบขนมคุกกี้ออกจากถุง
ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้น
เธอมองด้วยความโกรธ...!!1
แต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ
เธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกา
ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย...กำลังกินมันให้หมดสิ้นไป
เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า
"ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็....ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย"
ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้น
ทั้งสองส่งสายตามองกัน...เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย
เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร
ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้น
ส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น....
เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า
"เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆ ช่างไร้การศึกษา ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ"
เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง
ไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม
ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้ว
เธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง
ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ เธอตกใจมาก
ถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า.....
คุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกิน
เธอลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม
แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า
มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง
เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอนั่นเองที่ไร้มารยาท
เป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง...
มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิด...
มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น...
และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง
ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมาย
นี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่น
หลาย ๆ สิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ควรมองผู้อื่นในแง่ดี
แล้วคอยสงสัยตัวเองว่า…..
"เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง? และ
เราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่"
อยากให้ทุกๆที่เข้ามาในบล็อกของผึ้ง ลองคิดตามดูนะจ๊ะ
เผื่อจะได้ข้อคิดอารายดีๆๆๆ ^^
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
18 ความคิดเห็น:
ให้แง่คิดดีมากเลยจ้า
เม้นคนแรกเลยยย
เรื่องราวน่าสนใจดี มาเม้นท์ให้แล้วนะ ช่วยเม้นท์ข่าวแม่ทิ้งลูกให้ด้วยสิ
Thank you ล่วงหน้า
จาก..........ปีย์
ขอบคุรนะที่มาเมนท์ให้
ดีใจจัง
โอ้โหดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย ชอบชอบชอบชอบชอบชอบ
ปลาทอง
เค้ามาเม้นให้ตัวเองแล้วนะ
กรุณาเม้นกลับด้วย
นะจ๊ะ
มาแล้ว
ขยันจิงๆ เพื่อนเรา
มาเม้นให้แล้วนะจ้า
บล็อกสวยจัง
เนื้อหาน่าสนใจ
ว่างๆก็เม้นให้พิมบ้างนะจ้ะ........................................
ดีจ้า.....
อิ๋วมาเม้นๆแล้วนะ
เนื้อหาโดนใจดีอ่ะ
บ๊ะบายจ้าาาา
หวัดดีตัว
มาเม้นให้แล้วนะ
........
ตั้งใจทำเข้านะ
อย่างนี้ต้องให้555ดาว
ดีคับ
บล็อกสวยดี
น่าสนใจดี
ชอบคนทามจังเลย
จริงๆๆนะ
เม้นกลับด้วยดิ
มาเม้นแย้วนะ
สวยดีค่ะ
ตกแต่วดีนะ
ทำบล็อกสวยจังเลยนะ
เม้นมาหาบ้างดิ
+++555+++
หั้ยข้อคิดดีๆ.........
อย่ามองคนในแง่ดีเกินปัย........
เม้นกลับหั้ยแล้วนะ
ของนายสวยมากทำให้บ้างดิ......เม้นอันเก่าๆๆให้ด้วย...Thank You..........
ของนายสวยมากทำให้บ้างดิ......เม้นอันเก่าๆๆให้ด้วย...Thank You..........
เมื่อไรที่เราจะมีความสุขโดยที่ไม่มีทุก
ทั้งความรัก การเรียนและอีกมากมาย
น่าเศร้าใจที่สุด
แสดงความคิดเห็น